"อาการยังทรงๆ ค่ะ ถามว่าแนวโน้มดีขึ้นไหมก็นิดนึง แต่ว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย ที่ยังต้องระวังคือเชื้อโรค ส่วนเชื้อตัวใหม่ตนเองก็ยังไม่ได้ถามหมอเคลียร์ๆ เพราะตอนนี้มันก็ยังมีอยู่นิดนึง แต่ตอนนี้ต้องเฝ้าระวัง ก็ยังไม่ได้บอกว่าพ้นขีดอันตราย ยังทรงๆ อยู่ ส่วนสายต่างๆ ที่ตัวปอตอนนี้ยังมีอยู่แต่น้อยลงกว่าช่วงแรกๆ มาก"
สำหรับความกังวลถึงสภาพจิตใจของปอหากทราบว่าถูกตัดเท้านั้น โบว์ว่า "ช่วงแรกคงนิดนึง แต่ด้วยนิสัยปอ เราว่าเขาไม่อ่อนแอให้ใครเห็น เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยอ่อนแอให้คนอื่นเห็น ส่วนน้องมะลิเขาก็เรียกคุณพ่อทุกวัน(ยิ้ม) อยู่บ้านก็จะพ่อจ๋าๆ แต่วันนี้ไม่มา"
นอกจากนี้โบว์ยังกล่าวถึงเรื่องที่มีคนไปตาม "น้องมะลิ" ที่บ้านว่า "คือเขาแค่มาแอบถ่ายรูป และพอดีเราไปเห็นคอมเมนต์ คือถ้ามาถ่ายหรือแอบถ่ายเราไม่มีปัญหานะเพราะใช่ว่าเราแตะต้องไม่ได้ แต่ที่บอกเขาว่า ที่เขาไปคอมเมนต์กันว่าอยู่ตรงไหน และเขาบอกที่อยู่น้องหมดเลย และมีคอมเมนต์ต่ออีกว่า เดี๋ยวจะแอบถ่ายให้อีกนะ คือเราก็ตามจนเจอและได้คุยกับเขา เขาก็ขอโทษ บอกรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะเขาไม่ได้คุกคามขนาดนั้น ซึ่งเราห่วงน้องมากกว่าที่เอามาโรงพยาบาลทุกวันก็เพราะห่วงน้อง แต่ทุกวันนี้ก็มีญาติมาคอยดู และก็มีพี่เลี้ยงด้วย แต่เรารู้สึกว่าอยู่กับเรา แล้วเราจะรู้สึกดีกว่า"
ส่วนเรื่องงานในวงการบันเทิงของ"น้องมะลิ" คุณแม่บอกพลางหัวเราะว่ายังไม่มี เพราะต้องรอให้ปอฟื้นก่อนค่อยคุยกันอีกที ทางครอบครัวสหวงษ์ทราบหมดว่าทุกคนอยากให้ปอฟื้น ซึ่งเราก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไง คือต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ ทุกคนก็หวังว่าอย่างนั้น โบว์ก็บอกเขาทุกวันว่าทุกคนเป็นห่วงนะ ทุกคนทั้งประเทศรอปอนะ เขาก็พยักหน้า เราก็ฝากขอบคุณประชาชนทุกคนด้วย"
"ส่วนเรื่องการให้สัมภาษณ์สื่อของโบว์ จริงๆ ก็เกรงใจเพราะเห็นมากันทุกวัน แต่เราเองยังรู้สึกไม่เต็มร้อย เพราะอยากให้สัมภาษณ์แล้วคือเรายิ้มได้กับสื่อ เราไม่อยากร้องไห้กับสื่อ กลัวไปเจอคำถามที่ไม่ไหว ตนอยากให้พี่ปอตื่นมาคุยกับโบว์ ตื่นมาคุยกันเรียบร้อยก่อน"
0 comments:
Post a Comment