เผย.. ชีวิตเคยคิดฆ่าตัวตายเบรกแต่งรอบ2 “จ๊อบ”
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย สำหรับนักแสดงสาวมากฝีมือ “ษา-วรรณษา ทองวิเศษ” ที่ชีวิตแต่งงานรอบแรกล้มไม่เป็นท่า ต้องกลายเป็น “คุณแม่เลี้ยงเดียว” พร้อมกับภาระหนักดูแลครอบครัวถึงขนาดคิดสั้นฆ่าตัวตาย สุดจะเทือนใจเมื่อ “ลูก” ถามหาพ่อ ส่วนเรื่องความรักครั้งใหม่กับ “หนุ่มจ๊อบ-ไตรรงค์” แม้จะราบรื่นแต่ขอพักไว้ก่อน โดยเจ้าตัวขอเปิดใจทุกเรื่องราวในรายการ “เปิดโปง” ทาง “ช่อง 2” บันเทิงมาเต็ม (หมายเลข 38) โดยมี “สันติ เศวตวิมล” และ “เอ-วราภรณ์ แสนสุข” ทำหน้าที่พิธีกร
ความรักกับหนุ่มรุ่นน้อง “จ๊อบ-ไตรรงค์” ?
“ถ้าปีนี้ก็เข้าปีที่ 4”
เห็นว่าจะไม่แต่งงานกัน ?
“จริงๆ แล้วเราก็อยากจะแต่งค่ะ แต่ด้วยความที่ว่าหลายอย่างประกอบกัน แล้วก็เหมือนกับว่าษาไปเข้าธรรมะซะเยอะ แต่ไม่ได้ปลงนะ มีความคิดที่อยากแต่งงานอยู่แต่เหมือนกัน แต่ว่าเราเคยก้าวไปเยอะพอสมควรจนมันผิดหวัง พอมาครั้งนี้เราก็คิดที่จะแต่ง แต่ช้าก่อนนิดหนึ่งไหม มีพี่ๆ น้องๆ ที่ไปถือศีลด้วยกันกับเขาบอกว่าอยากให้มองที่ปัจจุบัน ปัจจุบันทำดีหรือยัง ถ้ายังก็อย่าเพิ่งมองอนาคต ปัจจุบันไม่ดีมองอนาคตมันก็ไม่ดีหรอก แต่ถ้าคุณรู้ว่าปัจจุบันคุณทำดีมากๆ แล้ว คุณถึงจะเดินก้าวต่อไป”
ก่อนหน้ามีมีข่าวว่าจะแต่งงาน ?
“ก็เหมือนคุยกันว่าถ้าไปได้ดี ออกข่าวอยู่ว่าถ้าไปได้ดีก็จะมีเรื่องของการแต่งงานรอบที่ 2 อันนี้เราก็พูดกันออกสื่อ แต่ว่า ณ ตอนนี้เราได้ให้ทางผู้ชายเนี่ยได้สร้างเนื้อสร้างตัว เขาเด็กกว่าด้วย เราก็ต้องเข้าใจตรงนี้ในธรรมชาติ ผู้ชายก็อยากจะเป็นผู้นำ คนนี้เราก็อยากให้เขาทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นผู้นำได้เต็มตัว เต็มที่ ถึงตอนนั้นจะได้ดูแลเราได้ทุกด้าน”
กลัวการใช้ชีวิตคู่ ?
“จากการล้มเหลวครั้งนั้นก็ค่อนข้างเจ็บหนัก แล้วก็มีพยายรักขึ้นมาด้วย หลายอย่างเลยแล้วตอนนั้นก็เครียดไม่รู้จะทำยังไง สับสนในชีวิตมีเยอะแยะมากมาย ถามกับตัวเองว่าจะทำอะไร จะเดินตรงไหนต่อ จะมีคนใหม่ไหม จะแต่งงานรอบ 2 รึป่าว คำถามพวกนี้มาตลอดเลยในเวลาที่ษาเจอพี่ๆ นักข่าว หรือว่าเจอคนอื่นๆ ต่างไหม แต่งเดือนหน้าไหม มันก็เป็นการเร่งเร้าเรา เราก็สับสนด้วย”
ฝ่ายชายไม่น้อยใจเหรอ ?
“เราคุยกันตลอดเวลาว่าสถานการณ์อะไรยังไงตอนนี้ เราคุยกันว่าถ้ามันพร้อมจริงๆ ในทุกๆ ด้านหมายถึงว่าพร้อมในตัวษาด้วย เขาด้วย พร้อมการงาน พร้อมในการเงินเราถึงค่อยโอเค”
ขอถามถึงปัญหาและเรื่องที่ต้องแบกรับภาระตอนนี้ ?
“ก็จะมีค่าใช้จ่ายภายในบ้าน แล้วก็เรื่องของการเรียนของลูก การเจ็บป่วยทั่วไปภายในบ้าน พูดง่ายๆ ว่าเราคือหัวเรือใหญ่ ล้มไปนี่จบเลยค่ะ(หัวเราะ)”
ท้อบ้างไหม ?
“ท้อค่ะ มันเหนื่อยค่ะ เมื่อก่อนนี้เราวัยรุ่นรับงานวิ่งงาน 2-3 งาน สบาย เดี๋ยวนี้ทำงานแค่งานเดียวจะตายแล้วค่ะ(หัวเราะ) อายุมันมากขึ้น เคยขึ้นบันได 2-3 ชั้นได้สบายๆ นี่ขึ้นแค่ชั้นเดียว รู้สึกว่าร่างกายเรามันไม่ใช่แล้ว มันถอยเยอะมาก จะทำให้มันแข็งแรงขึ้นมามันก็ได้แค่นี้”
เคยร้องไห้ไหม ทำไมชีวิตต้องเป็นอย่างนี้ ?
“มันเหมือนร้องแบบไม่มีน้ำตา มันเหมือนกับว่าฉันทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ ความจริงคืออยู่เฉยๆ ก่อนมั้ยแล้วค่อยคิดทีละอย่าง จริงๆ เราอยากไปเป็นแบบทศกัณฑ์มี 10 มือ ทำขนม ขายเครื่องสำอางค์ คือจับให้หมดเลยในครั้งเดียว อยากให้เวลามีเป็นร้อยๆ ชั่วโมงในหนึ่งวัน ฉันจะได้ทำอะไรได้เยอะกว่านี้ มันก็เลยประดังอยู่ในใจ มันก็เลยร้องไห้”
เครียดจนส่งผลต่อมดลูกมันยังไง ?
“ตอนแรกก็คิดว่ามันไม่เกี่ยว อาจจะเป็นเรื่องของระบบร่างกาย แต่ตอนนั้นษาเป็นหมดแล้วนะเครียดไมเกรน เครียดลงกระเพาะ เครียดลงลำไส้ แต่พอล่าสุดไปหาคุณหมอด้วยอาการปวดท้องน้อยหนัก บวมออกมาข้างซ้าย ไม่สามารถแขม่วท้องได้มันจะป่องออกมา เจ็บมาก แล้วอาการที่จะต้องไปหาหมอจริงๆ คือเลือดออกเหมือนเป็นประจำเดือน คนก็จะบอกว่าออกขนาดไหนถึงต้องไปหาหมอษาเลือดออกอยู่ 22 วัน ถ้าเราเป็นประจำเดือนก็จะประมาณ 3-7 วัน ผู้หญิงประมาณนั้น แต่อันนี้ออก 22 วัน เรารู้สึกผิดปกติแล้ว ก็ไปหาหมอ หมอบอกคุณเครียดไม่รู้ตัว มันสะสมหลายปี หลายอย่าง แล้วด้วยอาจจะเราทำงานหนักเกินไป ใส่รองเท้าส้นสูงเยอะเกินไป ยกของหนักมากเกินไป ทุกอย่างมันก็เลยรวม”
เครียดเรื่องอะไรมากมาย ?
“ทุกเรื่องเลยค่ะ เรื่องงาน มันต้องคิดทุกอย่างเลยค่ะ มันเหมือนเอาหินใหญ่ๆ มาตั้งไว้แล้วแบบค่อยกระเทาะทีละนิดให้มันแตกไป เราไม่รู้ตัว เรารู้แค่ว่าแรงฉันมีเยอะ สู้ มันอยู่ที่ใจจริงๆ แต่กายมันไม่สู้ ขอพรพระ ไหว้พระก็ขอแค่ว่าสุขภาพดีนะ ปัญญาเกิด คิดเรื่องการงาน การเงินเพราะมันกระทบด้วยกันอยู่แล้ว 2 เรื่องนี้ แล้วก็มีเรื่องลูก และก็ยังมีเรื่องต่างๆ มากมายที่เราจะต้องจัดการกับตัวเองอีก ความรักตอนนั้นก็โดนมรสุมด้วย เยอะอยู่(หัวเราะ)”
ติดยานอนหลับ ?
“จริงๆ ก็ไม่ค่อยจะบอกที่ไหนนะ(หัวเราะ) ติดยานอนหลับค่ะ ทานทุกวันเลย เหมือนมันจะเป็นโรคซึมเศร้า คือมันเป็นผลกระทบจากยานอนหลับ มันก็จะมีความคิดที่แบบพอไม่ไหวแล้วก็จะมองมีดบ้าง มองระเบียงบ้าง มันเป็นภาวะของคนซึมเศร้าที่คิดอยากจะฆ่าตัวตาย ความคิดนั้นมาตลอดค่ะ แต่ก็คือหันไปเจอลูกก่อน(ยิ้ม) พอมีความคติดแบบนี้ก็จะลงไปเจอลูกก่อน”
เห็นลูกแล้วรู้สึกยังไง ?
“มันเหมือนจิตใต้สำนึกเราว่าฉันเองก็ไม่ได้อยากฆ่าตัวตายนะ แต่มันแค่เป็นภาวะ ฉันนอนไม่หลับ ฉันหลอน คิดไปเรื่อยเปื่อย สับสน แต่พอหันมาหาลูกมันก็เหมือนมีสติ ตายไม่ได้”
แย่ที่สุดในชีวิตไหมตอนนั้น ?
“ถือว่าใช่ มันรวมมิตรทุกอย่างเลย สุขภาพก็ไม่ดี การงานก็ไม่ดี การเงินก็ไม่ดี ทำอะไรมันก็รู้สึกมันไม่ใช่ มันพลาดไปหมด”
ลูกถามถึงพ่อไหม ?
“ก็มีตอนวันพ่อ มันก็เป็นอะไรลึกๆ ของษาอีกเหมือนกันว่าเราแทนกันไม่ได้ แม่แทนพ่อไม่ได้ พ่อแทนแม่ได้ พอถึงวันพ่อเขาก็ไปเห็นพ่อของเพื่อนๆ เขาก็ไปเรียกพ่อของเพื่อนๆ คุณพ่อ! น่าเศร้าค่ะ แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวเอาคุณตาไปเป็นพ่อก่อนนะ(หัวเนราะ) จะมีคุณตาอีกคนหนึ่งไงคะ ก็ให้เขาไหว้ คือถ้าเรายิ่งไปย้ำว่าไม่มีเหมือนคนอื่นเขามันก็ทรมานใจเด็ก แล้วเราก็ไม่มีคำตอบให้เขาอีกต่างหากเวลาเขาทรมาน เขมาถามเราว่าคืออะไร เพราะว่าษาเองก็ไม่มีพ่อมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่าความรู้สึกนี้ฉันรู้ แล้วฉันต้องการอะไรตอนเด็กก็จะให้ลูก”
ตอนนี้ได้ติดต่อเขาไหม(พ่อของลูก) ?
“ไม่ได้ติดต่อค่ะ”
0 comments:
Post a Comment